มช.
ครองอันดับ
1
ของประเทศไทย 3 ปีซ้อน
ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิภากาศ SDG 13 Climate Action
เป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 75 ของโลก
จากสถาบันอุดมศึกษาทั่วโลกทั้งสิ้น 2,152 แห่ง
เป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 3 ของประเทศไทย
จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกที่สร้างผลกระทบสูงต่อสังคม
จัดอันดับโดย The Times Higher Education University Impact Rankings 2024
เกณฑ์การประเมินตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations (UN)’s
news & event
ข่าวสารล่าสุด จาก Facebook Page
✨การเข้าร่วมงานประชุม ✨ และบรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่และการบูรณาการเชิงพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 แบบบูรณาการ จังหวัดเชียงใหม่ ปี พ.ศ 2568 ตลอดจนบริหารจีดการปัญหาแผ่นดินไหว รวมทั้งอุปสรรคและแนวทางเสนอการแก้ไข ในวาระที่ คณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ การถ่ายโอนภารกิจ และการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงแนวทางการบริหารจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร จันทระ ประธานคณะทำงานฯ ได้เข้าร่วมประชุมหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับ คณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา ณ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ 🙋♀️🙋♀️ 🤝 การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันสรุปสถานการณ์ปัจจุบันของปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ อุปสรรคที่พบในการดำเนินงานที่ผ่านมา และ ข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไข ที่สามารถขับเคลื่อนในเชิงนโยบายและปฏิบัติการได้อย่างบูรณาการ 🤝 การมีส่วนร่วมของภาควิชาการในการประชุมครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ ในการผลักดันแนวทางการจัดการปัญหาหมอกควันอย่างยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ 📅เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 เวลา: 14 00 น. - 16 30 น. 📌สถานที่: ณ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirประชุม #AcAirประชุม2568"
🌍 5 มิถุนายน – วันสิ่งแวดล้อมโลก ถึงเวลาลุกขึ้นมา “ปกป้องโลก” ✊🌱 ในปี 2568 นี้ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาะเชจู) เจ้าภาพงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ภายใต้ธีม ✨ "Beat Plastic Pollution: Ending Global Plastic Pollution" ✨ ประเทศไทย! ร่วมสร้างคำขวัญจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “ใช้พลาสติกอย่างเข้าใจ เปลี่ยนประเทศไทยให้ยั่งยืน” ♻️ พลาสติก = มีประโยชน์ ❌ พลาสติกแบบไร้การจัดการ = ภัยร้ายเงียบที่สะสมอยู่ทุกที่! 🔥 ปีนี้คือจุดเปลี่ยน! ร่วมขับเคลื่อนด้วยการ... 🔻 ลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง 🔻 เลือกของที่ใช้ซ้ำได้ ยั่งยืน หมุนเวียนได้จริง 🔻 เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอย่างรู้เท่าทัน 🔻 ออกแบบวิถีชีวิตใหม่ ปลอดขยะพลาสติก! เพราะ “หยุดมลพิษพลาสติก” ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่มันคือ “การปกป้องอนาคตของพวกเราทุกคน!” 🌊💚 💥 ถึงเวลาเปลี่ยนโลก อย่ารอให้มันเปลี่ยนเรา! มาร่วมเป็นพลังเปลี่ยนแปลงที่โลกกำลังรออยู่! 🌎💪 #BeatPlasticPollution #WorldEnvironmentDay2025 #หยุดพลาสติกพิษ #สิ่งแวดล้อมคือชีวิต
ภาพบรรยากาศกิจกรรม “เปิดประตูสู่โลกกว้าง สรรค์สร้างนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์” สำหรับนักเรียนห้องเรียนวิทยาศาสตร์พลังสิบ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ประมาณ ทั้งหมด 120 คน โดยมีผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมด้วยนักวิจัยและนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา โรงเรียนวัฒนโนทัยพายัพ ร่วมเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ ผ่านกิจกรรมบูรณาการที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน ภายใต้องค์ความรู้หลักสูตรอบรมด้านการจัดการมลพิษทางอากาศภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายชาญชิต ทัพหมี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 เป็นประธานเปิดงาน พร้อมการสนับสนุนจาก นายจรัล ถาวร ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเวฬุวัน และครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นผู้ประสานจัดกิจกรรมให้เกิดขึ้นอย่างราบรื่น 📚 เพราะในโลกที่กำลังเผชิญวิกฤตมลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ การปลูกฝังความรู้ด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน คือการลงทุนที่ยั่งยืนที่สุดในอนาคต กิจกรรมในครั้งนี้จึงไม่เพียงเปิดโลกทัศน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงสู่ความเข้าใจเรื่องระบบนิเวศ สภาพอากาศ และการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ พร้อมส่งเสริมแนวคิด “นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลง” #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirวิทยากร #AcAirวิทยากร2568, #AcAirหลักสูตร #AcAirหลักสูตร2568, #AcAirข่าว #AcAirข่าว2568
🎥 คลิปนี้ไม่ใช่แค่ “ความรู้” แต่มันคือ “หนึ่งในการผลักดันการแก้ปัญหา” ของเชียงใหม่! 🔥 หมอกควัน ไฟป่า ไม่ใช่แค่ปัญหาฝุ่น แต่คือวิกฤตที่เราต้องแก้ให้ยั่งยืน! มาฟัง รศ.ดร.สมพร จันทระ เผยงานวิจัยเด็ดๆ ที่ช่วยลดไฟป่า ดอยสุเทพ-ปุย 👉 คลิกดูเลย! ก่อนหมอกควันจะกลับมาอีกครั้ง! #รู้สู้ฝุ่น #หมอกควัน #ไฟป่า #เชียงใหม่ #ทางรอดเมืองเหนือ
ช่วงนี้ฝนเริ่มตกหนัก ... 🌫️🔥 หมอกควันวันนั้น...อาจกลายเป็นน้ำท่วมพรุ่งนี้ 💧🌪️ ใครหลายคนอาจยังคิดว่า “หมอกควัน” กับ “น้ำท่วม” ไม่เกี่ยวกัน แต่ความจริงคือ…มันคือ ภัยที่โยงกันอย่างลึกซึ้ง และน่ากลัวกว่าที่คิด 🚫 การเผาป่า = ทำลายป่า = ทำลายระบบดูดซับน้ำ ต้นไม้และดินในป่าคือ “ฟองน้ำธรรมชาติ” ที่ช่วยชะลอน้ำไว้ เมื่อเราเผา…ดินแข็ง น้ำซึมไม่ได้ น้ำไหลเร็ว น้ำท่วมง่าย 💥 เผา = ดินพัง = ตะกอนพัดลงแม่น้ำ แม่น้ำตื้นเขิน น้ำระบายไม่ทัน น้ำท่วมหนักขึ้น ซ้ำๆ ทุกปี 🌡️ โลกร้อน = ไฟป่าถี่ขึ้น = ฝนตกหนักแบบสุดโต่ง ระบบธรรมชาติพังทุกทาง แล้วเราจะอยู่รอดยังไง? สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ "เรื่องไกลตัว" แต่มันคือ “ผลจากการกระทำ” 🛑 ถึงเวลาหยุดเผา 🌱 ถึงเวลาฟื้นฟูป่า 💧 ถึงเวลาจัดการน้ำอย่างเข้าใจและยั่งยืน เราอาจหนีฝุ่นได้ด้วยหน้ากาก แต่เราหนีน้ำที่ถล่มบ้านไม่ได้ อย่ารอให้ภัยธรรมชาติ “สอนบทเรียน” แทนเรา #หมอกควันน้ำท่วม #ภัยพิบัติเชื่อมโยง #หยุดเผา #ปกป้องป่า #ฟื้นฟูน้ำ #ภัยธรรมชาติไม่ใช่เรื่องไกลตัว
🔥เพราะการรู้เท่าทัน คือจุดเริ่มต้นของการแก้ไข ติดตามรายการ รู้สู้ฝุ่น : Know Dust, No Dust Ep.2 วันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 10:30 – 11:00 น. . “จากงานวิจัยเพื่อลดไฟป่าดอยสุเทพ-ปุย สู่แนวทางแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างยั่งยืน” พูดคุยกับ รศ.ดร.สมพร จันทระ ผู้อำนวยการแผนงานวิจัย “การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ นโยบาย และการสื่อสารเชิงรุก” หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ และประธานคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ . #รู้สู้ฝุ่น #KnowDustNoDust #FM100CMU #FM100Cityradioสาระความรู้สู่ชุมชนเมือง Line: FM100CMU Website: WWW.FM100CMU.COM ------ #วช #หมอกควัน #ภาคเหนือ #CMU #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #environmentalscienceresearchcenter #ESRC #scicmu #AcAirCMU #ican #FM100 #wevo #สภาลมหายใจเชียงใหม่
ติดตามรายการ รู้สู้ฝุ่น : Know Dust, No Dust Ep.2 วันพุธที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 10:30 – 11:00 น. “จากงานวิจัยเพื่อลดไฟป่าดอยสุเทพ-ปุย สู่แนวทางแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างยั่งยืน” พูดคุยกับ รศ.ดร.สมพร จันทระ ผู้อำนวยการแผนงานวิจัย “การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ นโยบาย และการสื่อสารเชิงรุก” หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ และประธานคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ . #รู้สู้ฝุ่น #KnowDustNoDust #FM100CMU #FM100Cityradioสาระความรู้สู่ชุมชนเมือง Line: FM100CMU Website: WWW.FM100CMU.COM
🌫️ รู้จัก PM2.5 ใกล้ตัวกว่าที่คิด PM2.5 ไม่ใช่แค่ “ฝุ่น” ธรรมดา แต่คืออนุภาคฝุ่นขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ร่างกายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยตรง 📍 ปัญหามลพิษทางอากาศ...ไม่ได้ไกลตัวเราอย่างที่คิด 📽️ คลิปนี้จะพาคุณไปรู้จักฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM1, PM2.5 และ PM10 พร้อมเปรียบเทียบขนาดให้เห็นชัดเจน — เล็กแค่ไหนเมื่อเทียบกับเส้นผมของมนุษย์? 🔍 แล้ว PM2.5 มาจากไหน? จากทั้งธรรมชาติ เช่น ไฟป่า ไปจนถึงกิจกรรมของมนุษย์ เช่น ควันรถยนต์ และโรงงานอุตสาหกรรม #HazeEduCreater https://cmu.to/HazeEduCreator มาร่วมหาคำตอบกับ 👤 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ว่าน วิริยา Wan Wiriya คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (AcAir CMU) และผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Environmental Science Research Center #ESRC ภายใต้โครงการขยายผลองค์ความรู้ "CMU สู้ฝุ่นภาคเหนือ": หลักสูตรท้องถิ่น ผู้นำการเปลี่ยนแปลง และสื่อสาธารณะ ร่วมกับหลักสูตรศิลปศาสตรและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาบูรณาการศาสตร์ วิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Training courses in air pollution management for Northern Thai region
“ก้าวต่อไป…ลมหายใจเชียงใหม่” บทบาทของเยาวชน ชุมชน และองค์กรภาคีในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 📍ณ โรงแรมเมอร์เคียว จังหวัดเชียงใหม่📍 มูลนิธิเอ็มพลัสจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยมีเป้าหมายเพื่อ 1. สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 แก่เจ้าหน้าที่ นักปฏิบัติการ และผู้สนใจทั่วไป 2. สื่อสารองค์ความรู้เรื่องการป้องกันปัญหาฝุ่น PM2.5 ไปสู่เยาวชน ชุมชน และองค์กรภาคีในพื้นที่ เวทีนี้จัดขึ้นจากข้อเท็จจริงที่ว่า จังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศจากฝุ่น PM2.5 มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจของพื้นที่ในวงกว้าง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่ปัญหานี้ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี ✨กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย✨ • การบรรยายสถานการณ์ ปัญหา และสาเหตุของฝุ่น PM2.5 ในเชียงใหม่ โดย ผศ.ดร.ว่าน วิริยา ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • การวิเคราะห์ต้นทางของปัญหา แนวทางการป้องกันฝุ่น PM2.5 ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน • การแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากพื้นที่ และเสวนาจากภาคีหลากหลายกลุ่ม ศูนย์วิชาการหมอกควันภาคเหนือเห็นความสำคัญของเวทีความร่วมมือเช่นนี้ เพราะเป็นการต่อยอดความรู้ เชื่อมโยงภาควิชาการกับภาคปฏิบัติ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จำเป็นในการจัดการปัญหาฝุ่นอย่างยั่งยืน
Correlation กับฝุ่น PM2.5 : เข้าใจง่ายในบริบทเชียงใหม่ ในช่วงฤดูไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ ฝุ่น PM2.5 มักพุ่งสูงจนน่าเป็นห่วง คำถามสำคัญคือ อะไรทำให้ฝุ่นพุ่ง? แล้วอะไรช่วยให้ฝุ่นลด? . งานวิจัย ของ นายสดานนท์ ใจศักดิ์เสริญ ภายใต้การดูแลของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ตอบคำถามนี้อย่างเป็นระบบ ผ่านแนวคิด “Correlation” หรือ “ความสัมพันธ์” . ชื่อผลงานวิจัย : Impact of Meteorological Factors on PM2.5 Concentrations During Biomass Burning Seasons in Chiang Mai (2020–2024) สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2568 . วัตถุประสงค์ • วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยากับค่าฝุ่น PM2.5 • เพื่อหาปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อค่าฝุ่นในฤดูไฟป่าของเชียงใหม่ . วิธีการทดลอง (Methodology) 1. การเก็บข้อมูล • PM2.5 : จากสถานีวัดโรงเรียนยุพราชราชวิทยาลัย (ใช้ระบบ Beta-ray) • ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา: จากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ • Ventilation Rate & Mixing Height : จาก Skew-T diagram โดยใช้ข้อมูลลูกบอลลูน Rawinsonde  • Hotspot : ข้อมูลจากระบบ NASA FIRMS • Trajectory : วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของฝุ่นด้วยแบบจำลอง NOAA และการทำ Cluster Analysis 2. เครื่องมือวิเคราะห์ • โปรแกรม SPSS ใช้ในการวิเคราะห์ Correlation (ค่าสหสัมพันธ์) • ArcMap สำหรับวิเคราะห์พื้นที่ Hotspot • Skew-T Diagrams สำหรับคำนวณ Mixing Height และ Ventilation Rate แต่ละวัน (รวม 880 วัน) . ผลการวิเคราะห์ Correlation ปัจจัยที่ทำให้ฝุ่น > เพิ่มขึ้น : • Hotspot : ความสัมพันธ์สูงสุด (r = 0.59) •อุณหภูมิ (Temperature): r = 0.18 • ความกดอากาศ (Pressure): r = 0.10 ปัจจัยที่ช่วยให้ฝุ่น < ลดลง : • ความชื้นสัมพัทธ์ (Humidity): r = -0.70 • Mixing Height ตอนเช้า : r = -0.40 • Ventilation Rate ตอนเช้า: r = -0.31 • ปริมาณฝน (Precipitation): r = -0.20 . ลำดับเหตุผลที่ช่วยลดฝุ่น ลม → พาฝนมา → เพิ่มความชื้น→ชีวมวลถูกเผายาก →จุดความร้อนลดลง → ฝุ่นลดลง และในทางกลับกัน : ไฟป่า → จุดความร้อนเพิ่ม → ฝุ่น PM2.5 พุ่งสูง บทสรุป งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า “ฝน ลม ความชื้น” คือพันธมิตรธรรมชาติของเชียงใหม่ ขณะที่ “ไฟป่า” คือสาเหตุหลักที่ผลักดันค่าฝุ่นให้พุ่งสูง การเข้าใจ “Correlation” ไม่ใช่แค่เรื่องทางสถิติ แต่คือเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเชิงนโยบายเพื่อแก้ปัญหาหมอกควันอย่างตรงจุด
🔥2568 HOTSPOT เชียงใหม่ ลดลง 60% เพราะอะไร? . ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลายหน่วยงานต่างพากันเปิดกราฟโชว์ความสำเร็จ “เชียงใหม่ ฮอตสปอตลดลง 60%”ข้อมูลจาก GISTDA ระบุว่า ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 2 พ.ค. 2568 จำนวนจุดความร้อนในเชียงใหม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วงเวลาเดียวกันในรอบ 5 ปี . ดูเผิน ๆ เหมือนทุกอย่างราบรื่น… แต่คำถามในใจใครหลายคนคือ "เราทำได้จริง หรือแค่ฟ้าเมตตา?" . ปีนี้ลานีญา ปีหน้า…เอลนีโญ? หลายคนอาจยังไม่รู้จักชื่อประหลาดๆอย่าง เอลนีโญ – ลานีญา > เอลนีโญ : แล้ง ร้อน น้ำทะเลอุ่น ฝนขาด ดินแห้ง ลมแรง ไฟมาไว > ลานีญา : ฝนเยอะ น้ำเย็นลง ฝนตกต่อเนื่อง ความชื้นสูง ไฟลุกยาก . ปี 2568 นี้ ลานีญาแวะมาเยือน ฝนตกตั้งแต่ต้นปี เปียกเสียจน “มือเผา” ยังไม่ทันลงมือ ไฟไม่ทันลุก ก็โดนฝนดับเสียก่อน บางหน่วยแทบไม่ได้ออกแรงเหมือนปีก่อนๆ . แต่ข่าวล่าสุดจาก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) คาดว่า ลานีญากำลังจะหมดฤทธิ์ภายในกลางปีนี้ และมีโอกาสสูงที่ เอลนีโญจะกลับมา ในช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569 ซึ่งหมายความว่า ปีหน้า..เราอาจต้องรับมือกับฝนที่หายไป ความแห้งที่เพิ่มขึ้น และไฟที่กลับมาเร็วขึ้น จากข้อมูลในจังหวัดเชียงใหม่หลายๆปีย้อนหลัง พบว่าปัจจัยด้านจุดความร้อน (hotspots) ความชื้นในอากาศ การเกิดปรากฏการณ์ผกผันของอุณหภูมิ (temperature inversion) และความเร็วลม มีบทบาทสำคัญและสัมพันธ์กันอย่างชัดเจนในการกำหนดความเข้มข้นและการสะสมของ PM2.5 ในบรรยากาศ จุดความร้อน (hotspots): จุดความร้อนจากไฟป่าและการเผาในที่โล่งเป็นแหล่งปล่อย PM2.5 หลักในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ เมื่อจำนวนจุดความร้อนลดลง ปริมาณ PM2.5 ที่ถูกปล่อยใหม่เข้าสู่บรรยากาศจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้ออำนวย เช่น เกิดสภาวะอากาศนิ่งหรือผกผันของอุณหภูมิ มลพิษที่เหลือยังคงสะสมตัวในอากาศได้ ความชื้นในอากาศ (Relative Humidity): ความชื้นที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นในอากาศ เนื่องจากอนุภาค PM2.5 ดูดซับความชื้นและจับตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น ทำให้ตกสู่พื้นง่ายขึ้น อีกทั้งหากมีฝนตก แม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถชะล้าง PM2.5 ออกจากบรรยากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรากฏการณ์ผกผันของอุณหภูมิ (Temperature Inversion): ในช่วงกลางคืนถึงเช้ามืด อากาศเย็นใกล้พื้นมักถูกกดทับด้วยอากาศอุ่นด้านบน ทำให้มลพิษไม่สามารถลอยขึ้นไปเจือจางในชั้นบรรยากาศได้ แต่จะสะสมใกล้ผิวดิน ความเข้มข้น PM2.5 จึงพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเช้า เมื่อการผกผันสิ้นสุดลง (เช่น หลังแดดออก) มลพิษจึงเริ่มกระจายตัวได้ ความเร็วลม: ลมมีบทบาทกระจายมลพิษ เมื่อความเร็วลมเพิ่มขึ้น มลพิษที่สะสมอยู่ใกล้พื้นจะถูกพัดออกไป ทำให้ความเข้มข้นของ PM2.5 ลดลง ในทางตรงข้าม ช่วงที่ลมอ่อนหรือนิ่ง จะส่งผลให้มลพิษสะสมตัวหนาแน่น ความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ปี 2565 และ 2568 ในปี 2565 จังหวัดเชียงใหม่เผชิญกับปริมาณฝนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้ความชื้นในอากาศเพิ่มขึ้น ส่งผลช่วยลดการสะสมของ PM2.5 และช่วยชะล้างมลพิษออกจากบรรยากาศ คล้ายกับสถานการณ์ในปี 2568 ที่มีแนวโน้มปริมาณฝนและความชื้นใกล้เคียงกัน ทำให้แม้จะมีจุดความร้อนเกิดขึ้นในบางช่วง แต่ความเข้มข้นของ PM2.5 ลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่เกิดวิกฤตมลพิษรุนแรงเหมือนในปีที่มีความแห้งแล้ง (เช่น ปี 2566 เอลนีโญรุนแรง) เมื่อฟ้าให้ฝน แต่นโยบายให้ “ฟัน” ขณะที่ธรรมชาติอำนวย ฝนตก ความชื้นสูง ไฟลุกยาก รัฐบาลส่วนกลางกลับเลือกใช้ “ไม้แข็ง” เมื่อทางภาครัฐประกาศว่า หากจังหวัดไหนยังมีไฟ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรับผิดชอบ ถึงขั้น พิจารณาให้ออกจากตำแหน่ง ทุกจังหวัดพากันออกมาตรการ ห้ามเผาเด็ดขาด พร้อมเตรียมมอบเงินให้กับผู้แจ้งเบาะแส . เป็นนโยบายที่ทำได้จริงหรือเปล่า.....แต่ในความเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเชียงใหม่ นโยบายที่สั่งการจากบนลงล่าง “กำลังพาเราถอยหลังหรือไม่?” เพราะแม้จะมีฝนช่วย แต่ในบางพื้นที่ ไฟป่ายังเกิดจากสภาพแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้ ลม แดด ความแห้งแล้งในระดับจุลภาค รวมถึงแรงกดดันจากการยังชีพของคนชายป่า ซึ่งทางภาครัฐ เองก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด . เชียงใหม่ มีระบบแผนฯ เป็นของตัวเอง มีทั้งภาคการศึกษา นักวิจัย และภาคประชาชนนำโดยสภาลมหายใจเชียงใหม่ ซึ่งผลักดันแนวคิด การบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบมีส่วนร่วม มาต่อเนื่องซึ่งก็ยังขยายผลไปยังจังหวัดต่างๆในภาคเหนือตอนบน อีกด้วย พอมีคนบอกว่า.. ไฟฝุ่นลดเพราะนโยบายที่ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ใช่เพราะฝนอย่างเดียว แต่ความจริงที่เป็นหลักฐานด้านวิชาการบอกได้ชัดเจนนั้นเพราะอะไร ( กลับไปอ่านด้านบน ) แต่เอาเถอะ... จะเคลมก็เคลมไป ส่วนใหญ่ๆ ก็มาจากความร่วมมือกันอยู่เหมือนเดิม นโยบายส่วนกลางไม่ให้มี “ไฟจำเป็น” และ ฝนก็คงดับไฟไม่ได้ทุกจุด ทั้งหมดก็ช่วยให้ 2568 มีวันค่าฝุ่นเกินมาตรฐานน้อยลง มีจังหวะให้ได้หายใจหายเอาอากาศบริสิธิ์สัมผัสปอดแล้วนะครับทุกคน....แต่หลังจากนี้ก็มาดูกันว่า หลังสิ้นสุดมาตรการห้ามเผาเด็ดขาด สถานการณ์จะหนักไหม ประชาชนชาวบ้าน ชาวสวน ที่นโยบายไปเปลี่ยนวิถีการใช้ไฟแบบไม่สอดรับ จะแสดงท่าทีอย่างไร พวกเราก็ต้องช่วยกันยืนหยัดเพราะ พวกเราลมหายใจเดียวกัน . แหล่งอ้างอิง - กรมควบคุมมลพิษ (PCD) - GISTDA รายงาน Hotspot - ศูนย์บัญชาการจังหวัดเชียงใหม่ - ศูนย์สนับสนุนด้านวิชาการเพื่อแก่ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มช (ACAIR) - ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มช (ESRC) - สภาลมหายใจเชียงใหม่ - สถาบัน TDRI - กรมอุตุนิยมวิทยา (TMD) - รายงานภาคสนาม WEVO เข้าดูการทำงานของระบบโดยไม่ต้องสมัครข้อมูลใดๆ ได้ที่ https://hazefree.com #วช #หมอกควัน #ภาคเหนือ #CMU #มหาวิยาลัยเชียงใหม่ #environmentalscienceresearchcenter #ESRC #scicmu #AcAirCMU #ican #wewo #สภาลมหายใจเชียงใหม่
💡 “Hazefree” โคตรคลังสมองของคนจัดการฝุ่น รู้จักระบบ BIG DATA“แบบเบ็ดเสร็จ” ที่จะช่วยให้หน่วยงานระดับจังหวัด มองเห็นภาพรวมปัญหาฝุ่น และ ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น . ทุกปี...เรายังต้องพูดถึงฝุ่นพิษ PM2.5 ทุกปี...เราก็ยังหายใจลำบากเหมือนเดิม แล้วเรามีอะไร “จริงจัง” ใช้ในการแก้ปัญหาบ้าง? Hazefree Portal กำลังเป็นหนึ่งในคำตอบนั้น! . Hazefree Portal คืออะไร? Hazefree คือ ระบบสารสนเทศการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการ,วางแผนตัดสินใจแบบเบ็ดเสร็จ การกำหนดนโยบายสำหรับการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ในระดับจังหวัด โดยรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ เช่น จุดความร้อน ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อัตราการระบายอากาศ ประเมินสถานการณ์แบบ “เรียลไทม์” พยากรณ์คาดการล่วงหน้า และ “เชิงพื้นที่” ได้อย่างแม่นยำ รวมไปถึงสามารถระบุการใช้ประโยชน์ที่ดิน อีกด้วย . Hazefree มีระบบอะไรบ้าง? 🔹 Dashboard วิเคราะห์ข้อมูล – ดูค่าฝุ่น แนวโน้ม และความเสี่ยงในอนาคต 🔹 GEO Map PM2.5 แบบ Realtime – จำลองการเคลื่อนที่ของฝุ่นตามลมและภูมิประเทศ – เห็นจุดเผา จุดร้อน เส้นทางการแพร่กระจายชัดเจน . ข้อมูลที่ Hazefree ใช้ มาจากไหน? Hazefree ไม่ได้คาดเดา แต่ใช้ Big Data จริง จากหลากหลายหน่วยงาน เช่น: 1. จุดความร้อนประเทศไทย→ ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ดาวเทียม MODIS 2. ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดิน→ กรมพัฒนาที่ดิน 3. ข้อมูลพื้นที่ป่า→ กรมป่าไม้ 4. ข้อมูลการขออนุญาตเผาไหม้เชื้อเพลิง (FireD)→ แอปพลิเคชัน FireD จังหวัดเชียงใหม่ 5. พื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก→ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) 6. ข้อมูลสุขภาพ→ กรมควบคุมโรค / สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ 7. ข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)→ AQI CN 8. จุดความร้อนประเทศเพื่อนบ้าน→ ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ดาวเทียม MODIS 9. ข้อมูลพิกัดพื้นที่→ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) . Hazefree เหมาะกับใคร? • หน่วยงานจังหวัดที่ต้องตัดสินใจเชิงพื้นที่ • นักวิจัยและวางแผนในเขตเมืองและชนบท • NGO หรือชุมชนที่อยากรู้ “ฝุ่นในบ้านฉันมาจากไหน?” • ศูนย์บัญชาการฝุ่น (War Room) ระดับจังหวัด . ที่มาโครงการ แผนงานการพัฒนาระบบข้อมูลขนาดใหมญ่เพื่อการสนับสนการตัดสินใจ ภายใต้แผนงาน P24 แก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤตเร่งด่วนของประเทศ แผนงานย่อยรายประเด็น “งานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน ฝุ่นละออง PM2.5 แบบบูรณาการและมุ่งเป้า” โดย รศ. ดร. รัฐสิทธิ์ สุขะหุต และ คณะวิจัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง GISTDA BIG DATA INSTITUTE มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU) วว. TISTR และหน่วยงานในเครือข่ายอีกหลายแห่ง . เข้าดูการทำงานของระบบโดยไม่ต้องสมัครข้อมูลใดๆ ได้ที่ https://hazefree.com #วช #หมอกควัน #ภาคเหนือ #CMU #มหาวิยาลัยเชียงใหม่ #environmentalscienceresearchcenter #ESRC #scicmu #AcAirCMU #ican
กิจกรรม Young Citizen Science: NanoTracer👩🔬 ความร่วมมือภายใต้ โครงการขยายผลองค์ความรู้“CMU สู้ฝุ่นภาคเหนือ” หลักสูตรท้องถิ่น ผู้นำการเปลี่ยนแปลงและสื่อสาธารณะ ประจำปี2567 และโครงการการพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ภาคพลเมืองในการใช้จุลทรรศน์อิเล็กตรอนเพื่อการตรวจวิเคราะห์ฝุ่น PM2.5 และการสร้างนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ เปิดโอกาสให้นักเรียนมัธยมจาก 14โรงเรียนในภาคเหนือ ได้ร่วมอบรมและลงมือปฏิบัติจริง 🔬ใช้กล้อง SEM (Scanning Electron Microscope) เพื่อสืบหาตัวตนของฝุ่นละออง PM2.5 อย่างใกล้ชิดในระดับนาโนเมตร ✨2 วันแห่งการเรียนรู้ (2–3 พฤษภาคม 2568)✨ ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 👉🏻Day 1: เจาะลึกเรื่องฝุ่น PM2.5 ภัยเงียบในอากาศ โดยนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ ทดลองเตรียมตัวอย่างจริง รู้จักเทคนิค SEM และ EDS เพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของฝุ่น 👉🏻Day 2: ปฏิบัติการเต็มรูปแบบ แบ่งกลุ่มสกัดฝุ่น เคลือบตัวอย่าง นำเข้าสู่กล้อง SEM ก่อนนำเสนอผลงานในรูปแบบวิจัยขนาดย่อ พร้อมคำแนะนำจากนักวิทยาศาสตร์ตัวจริง! เพื่อเสริมสร้างทักษะวิทยาศาสตร์ ข้อมูล และการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของตนเอง “จากฝุ่นเล็ก…สู่ความรู้ใหญ่ ปั้นนักวิจัยรุ่นใหม่ให้กล้าคิด กล้าทำ”
วช. ร่วมกับ สวก. สกสว. ภาคประชาสังคม และเครือข่ายนักวิจัย ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ ‘ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5’ มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามค่าฝุ่น PM2.5 และคุณภาพอากาศทั่วไทยแบบเรียลไทม์ 📲📍 ผ่านระบบ AirQuality CMU 🔬🌱 เครื่องมือสำคัญเพื่อการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 รู้ก่อน ✅ ปรับตัวทัน ⏱️ ห่างไกลฝุ่นร้ายเพื่อคุณและคนที่คุณรัก ❤️👨👩👧👦 . 🐘มาเป็นเพื่อนน้องฟ้าใสได้ง่าย ๆ เพียงเพิ่มเพื่อนผ่านทางไลน์แอด line add @aircmu
เนื่องจากงบประมาณของทั้งประเทศมีจำกัด การมุ่งเน้นค้นหาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนและติดตามความก้าวหน้าโครงการวิจัย ภายใต้แผนงาน “งานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ” รวมถึงแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ภายใต้ประเด็น ✨"ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5" ที่มุ่งเป้าไปยัง 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับ สภาลมหายใจภาคเหนือ ✨ โดยการประชุมครั้งนี้ได้เชิญชวนประชาคมนักศึกษา นักวิจัย และนักวิชาการจากทั่วภาคเหนือให้เข้ามามีส่วนร่วม เน้นความสำคัญของการ "ตั้งโจทย์วิจัย" จากภาคประชาสังคมที่ประสบปัญหา PM2.5 จริง เพื่อให้โจทย์การวิจัยตอบสนองต่อความต้องการของพื้นที่อย่างแท้จริง พร้อมเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐในระดับนโยบาย จังหวัด ภาค และกรม เพื่อผลักดันการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม 🔹แนวทางการดำเนินงาน: โมเดล 8-3-1 โมเดล 8-3-1 เป็นกรอบการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างครบวงจร แบ่งออกเป็น 3 ระยะสำคัญ ได้แก่ 🔹ระยะป้องกัน (8 เดือน): ดำเนินมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด PM2.5 เช่น การเปลี่ยนแหล่งพลังงาน ลดการปล่อยฝุ่นจากอุตสาหกรรมและการขนส่ง โดยอาศัยสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย 🔹ระยะเผชิญเหตุ (3 เดือน): ในช่วงฤดูแล้งที่ปัญหาฝุ่นพุ่งสูง เน้นการตอบสนองฉุกเฉิน เช่น การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ แจกหน้ากาก แจ้งเตือนประชาชน และดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน 🔹ระยะฟื้นฟูและทบทวน (1 เดือน): หลังสถานการณ์คลี่คลาย ดำเนินการประเมินผล ถอดบทเรียน เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และปรับปรุงแผนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในปีถัดไป โมเดลนี้เน้นการบูรณาการข้อมูลและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อให้การแก้ไขปัญหา PM2.5 มีความต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว ให้สัมภาษณ์โดย ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญ ของเป้าหมายตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน)
วช. ร่วมกับ สวก. สกสว. ภาคประชาสังคม และเครือข่ายนักวิจัย ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ ‘ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5’ มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน 27 เมษายน 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดการประชุมแลกเปลี่ยนและติดตามความก้าวหน้าโครงการวิจัย ภายใต้แผนงาน “งานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM 2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ”และแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประเด็น ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน) เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับสภาลมหายใจในพื้นที่ภาคเหนือ โดย ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญ ของเป้าหมายตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน) เป็นประธานฯ พร้อมด้วย ดร.เจน ชาญณรงค์ ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ และนายประลอง ดำรงค์ไทย กรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญดังกล่าว และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ของ วช. และ สวก. ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา รศ. ดร.ชาลี นาวานุเคราะห์ และนางพรรณพิมล ชัญญานุวัตร รวมทั้งหมดผู้แทนจาก วช. สวก. และ สกสว. ประกอบด้วย รศ. ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ดร.ยุพิน เลิศบุรุษ ผู้อำนวยการกลุ่มขับเคลื่อนแผนงานวิจัยตามเป้าหมาย น.ส.กรรณิกา ดุรงคเดช ผู้อำนวยการภารกิจการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม น.ส.ปิยะธิดา ถิระรณรงค์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนงานวิจัย และรศ. ดร.สุดสวาสดิ์ ดวงศรีไสย์ รองผู้อำนวยการสำนักพัฒนาความร่วมมือนานาชาติและใช้ประโยชน์งานวิจัย ววน. หน่วยงานภาคี ภาคประชาสังคม สภาลมหายใจภาคเหนือ สภาลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่ สภาลมหายใจจังหวัดต่างๆ ณ โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่ ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมครั้งนี้เพื่อร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรในภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม ได้จัดทำแผนงานวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้หัวข้อ “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5” โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ และน่าน ผ่านโมเดล 8-3-1 หรือกรอบการทำงานเพื่อจัดการฝุ่นอย่างเป็นระบบ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่พัฒนาขึ้นเพื่อจัดการปัญหาฝุ่นอย่างเป็นระบบครบวงจร ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความซ้ำซ้อน แบ่งกระบวนการแก้ปัญหาออกเป็น 3 ระยะสำคัญ 1. ระยะป้องกัน: 8 เดือน ในช่วงเวลานี้ ซึ่งสภาพอากาศเอื้ออำนวย การดำเนินการมุ่งเน้นไปที่การลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 โดยใช้มาตรการเชิงป้องกัน เพื่อทดแทนแหล่งพลังงานที่ก่อมลพิษ ลดการปล่อยฝุ่นจากอุตสาหกรรมและคมนาคม 2. ระยะเผชิญเหตุ: 3 เดือน ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งปัญหาฝุ่น PM 2.5 มักพุ่งสูงขึ้น มาตรการในระยะนี้เน้นการตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน เพื่อประสานงานและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แจกจ่ายหน้ากากอนามัย และแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นและวิธีป้องกันตัวเอง 3. ระยะฟื้นฟูและทบทวน: 1 เดือน หลังจากสถานการณ์ฝุ่นเริ่มคลี่คลาย การดำเนินการในระยะนี้มุ่งเน้นไปที่การประเมินผลและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต การประเมินผลกระทบและถอดบทเรียน จากการดำเนินงานที่ผ่านมา การปรับปรุงแผนปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาฝุ่นในปีถัดไป รวมถึงการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งทางสุขภาพและเศรษฐกิจ โมเดล 8-3-1 ไม่เพียงช่วยให้การจัดการปัญหาฝุ่นเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แต่ยังเน้นการบูรณาการข้อมูลและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ภาครัฐ เอกชน และชุมชน การใช้ข้อมูลจากการดำเนินงาน ในแต่ละช่วงเวลาเป็นฐานในการกำหนดนโยบายและปรับปรุงมาตรการในระยะยาว นายประลอง ดำรงค์ไทย กล่าวถึงการตั้งเป้าลดจำนวนวันที่ค่า PM2.5 เกินมาตรฐานไม่ให้เกิน 50 วันต่อปี และลดจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) จากสาเหตุฝุ่นไม่ให้เกิน 1,000 คนต่อปี นอกจากนี้ยังต้องลดจำนวนจุดความร้อน (Hotspot) จากการเผาในที่โล่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ไม่เกิน 5,000 จุดต่อปี จากข้อมูลพบว่าพื้นที่เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ซึ่งการเผาไหม้มักเกิดจากการเตรียมพื้นที่การเกษตรและการบุกรุกป่า โดยจังหวัดที่พบการเผาไหม้สูงสุด ได้แก่ ตาก ลำปาง เชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน โดย วช. ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทุนวิจัย ซึ่งประสานกับหน่วยงานในพื้นที่แต่ละจังหวัดโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ผ่านแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม เพื่อลดฝุ่น PM2.5 แบ่งเป็น แผนพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 (จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน) และแผนพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน) การดำเนินงานตลอดปีมีการกำหนดหมุดหมายที่ชัดเจน โดยเริ่มจากการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นเพื่อทําแผนบูรณาการ การลงพื้นที่เพื่อติดตามและประเมินตัวชี้วัดสำคัญในแต่ละจังหวัด และการจัดทำรายงานความก้าวหน้าเป็นประจำทุกเดือนผ่านระบบติดตามผล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของโครงการอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ ภายในงานมีการนำเสนอภาพรวมของแผนงาน “งานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ” และ แผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ ววน. ประเด็น “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน) โดย รศ. ดร.สมพร จันทระ ผู้อำนวยการแผนงาน การนำเสนอภาพรวม การนำระบบข้อมูลขนาดใหญ่ไปใช้สนับสนุนการตัดสินใจ โดย รศ. ดร.รัฐสิทธิ์ สุขะหุต หัวหน้าแผนงานมิติการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ การนำเสนอภาพรวมการดำเนินงานโครงการการจัดการมลพิษ PM2.5 ของสภาลมหายใจภาคเหนือ โดย สภาลมหายใจภาคเหนือ สภาลมหายใจจังหวัดเชียงใหม่ สภาลมหายใจจังหวัดลำปาง สภาลมหายใจจังหวัดพะเยาเพื่อแก้ไขผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากไฟป่า โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ โดยมีแนวทางดำเนินการ อาทิ การสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบและแนวทางป้องกันไฟป่า การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพทางเลือกให้แก่ประชาชนที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร เพื่อป้องกันการพึ่งพิงทรัพยากรจากป่าโดยตรง การส่งเสริมบทบาทของชุมชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในรูปแบบที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายมีการนำเสนอภาพรวม แนวทางการลดการเผาและจัดการไฟในพื้นที่ป่าไม้ โดย อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล หัวหน้าแผนงานมิติการลดไฟในภาคป่าไม้ การนำเสนอภาพรวม แนวนโยบายและการสื่อสารเชิงรุกในการแก้ปัญหา PM2.5 โดย รศ. ดร.อรัญญา ศิริผล หัวหน้าแผนงานมิตินโยบายและการสื่อสารเชิงรุก การนำเสนอภาพรวม แนวทางการลดการเผาพื้นที่เกษตร โดย น.ส.ปิยธิดา ถิระรณรงค์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนงานวิจัย สวก. และนางอาณดา นิรันตรายกุล หัวหน้าแผนงานมิติการลดการเผาพื้นที่เกษตร สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และการนำเสนอภาพรวม แนวทางความร่วมมือเพื่อลดมลพิษทางอากาศข้ามแดน โดย ดร.จีรนุช ศักดิ์คำดวง สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นระบบ และยังมุ่งเน้นการบูรณาการข้อมูล การประเมินผล และการปรับปรุงแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนานโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน #วช #หมอกควัน #ภาคเหนือ #CMU #มหาวิยาลัยเชียงใหม่ #environmentalscienceresearchcenter #ESRC #scicmu #AcAirCMU #ican
🌍 ภาพการประชุมแลกเปลี่ยนและติดตามความก้าวหน้า 🌍 🌳🌳🌳โครงการวิจัย ภายใต้แผนงาน “งานวิจัยนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนฝุ่นละออง PM 2.5 แบบมุ่งเป้าและบูรณาการ”🌳🌳🌳 และแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประเด็น ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5(เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน) เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับสภาลมหายใจในพื้นที่ภาคเหนือ 💧💧💧วันที่ 27 เมษายน 2568 ณ ห้องประชุม Convention 3 โรงแรมวินทรี ซิตี้ รีสอร์ท จังหวัดเชียงใหม่💧💧💧 🔥🔥🔥โดย กล่าวความเป็นมา เป้าหมาย และแนวทางการดำเนินงานของแผนงานเป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์ววน.ประเด็น “ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน)” โดย นายประลอง ดำรงค์ไทย กรรมการและเลขานุการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญ ของเป้าหมายตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน)🔥🔥🔥 - กล่าววัตถุประสงค์ของการประชุม โดย คณะกรรมการส่งเสริมแผนงานเป้าหมายสำคัญ ของเป้าหมายตามยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์วิจัยและ นวัตกรรม เรื่อง ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5 (เป้าหมาย 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน) นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ประธาน ดร.เจน ชาญณรงค์ กรรมการ ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการ
🎉🎉Highlight งานเปิดตัวโครงการและเสวนาวิชาการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา 🎉🎉 🌫️🌫️ศูนย์วิชาการสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันแผนงาน “การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแก้ปัญหา นโยบายและการสื่อสารเชิงรุก” ซึ่งในงานได้มีการเสวนาเวทีวิชาการ 🔹โดยการเสวนาวิชาการหัวข้อที่ 3 “มิติการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ มิตินโยบาย และการสื่อสารเชิงรุก“ มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ ผศ.ดร.ชาคริต โชติอมรศักดิ์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, ผศ.ดร.อรอร ภู่เจริญ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ.ดร.ว่าน วิริยา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่,ดร.ทิพวรรณ ประภามณฑล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 👏👏 ซึ่งเสียงสะท้อนจากเวทีนี้ชี้ให้เห็นว่า เครื่องมือและแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ชุมชนจัดการปัญหาได้จริง พร้อมทั้งออกแบบแผนสอดคล้องกับพื้นที่ และการสื่อสารหลายภาษา หลายมิติ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้าใจและใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การแก้ปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืน #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirข่าว #AcAirข่าว2568
📸 บรรยากาศกิจกรรมอบรมเผยแพร่องค์ความรู้เรื่อง PM2.5 เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดูแลตนเองจากฝุ่นพิษ พร้อมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังกลุ่มเสี่ยงในชุมชน เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงวัย และผู้ป่วยเรื้อรัง เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้แก่ประชาชนให้สามารถดูแลตนเองและสามารถถ่ายทอดความรู้ต่อและดูแลกลุ่มเสี่ยงสุขภาพ 🗓 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 📍 ณ เทศบาลตำบลดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ⏰ เวลา 09.00 – 16.00 น. 🔹 ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ 👤 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ว่าน วิริยา Wan Wiriya 👤 ดร.รฒียา ทรายแก้ว คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (AcAir CMU) และผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Environmental Science Research Center #ESRC ภายในงานมีการ บรรยายให้ความรู้เรื่องฝุ่น PM2.5 และแนวทางป้องกันตนเองอย่างรอบด้าน เช่น: ✅ การเลือกใช้หน้ากากอย่างเหมาะสม ✅การใช้แอปพลิเคชันติดตามคุณภาพอากาศ ✅ การติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ DIY และ “มุ้งสู้ฝุ่น” ขยายผลองค์ความรู้ CMU สู้ฝุ่นภาคเหนือ หลักสูตร ท้องถิ่น ผู้นำการเปลี่ยนแปลง และสื่อสาธารณะ #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirวิทยากร #AcAirวิทยากร2568, #AcAirหลักสูตร #AcAirหลักสูตร2568, #AcAirข่าว #AcAirข่าว2568
🎉🎉Highlight งานเปิดตัวโครงการและเสวนาวิชาการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา 🎉🎉 🌫️🌫️ศูนย์วิชาการสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันแผนงาน “การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแก้ปัญหา นโยบายและการสื่อสารเชิงรุก” ซึ่งในงานได้มีการเสวนาเวทีวิชาการ 🌳โดยการเสวนาวิชาการหัวข้อที่ 2 “มิติการลดไฟในภาคป่าไม้”🌳 มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ ผศ.ดร.ภูดินันท์ สิงห์คำฟู นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ.ดร.จิรวรรณ กิจชัยเจริญ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ.ดร.เผ่าไทย สินอำพล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อาจารย์ ดร.เชิญพร เรืองสวัสดิ์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย 👏👏 ซึ่งเสียงสะท้อนจากเวทีนี้ชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงปัญหาหมอกควัน ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่เทคโนโลยีหรือกฎเกณฑ์ แต่เกิดขึ้นได้จริง เมื่อเราสร้าง "ความเข้าใจร่วม" และ "ความร่วมมือ" จากทุกภาคส่วนของสังคม 🌎💪✨ 🌿 #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirข่าว #AcAirข่าว2568
🎉🎉Highlight งานเปิดตัวโครงการและเสวนาวิชาการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา 🎉🎉 🌫️🌫️ศูนย์วิชาการสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการจัดงานเปิดตัวโครงการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันแผนงาน “การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแก้ปัญหา นโยบายและการสื่อสารเชิงรุก” ซึ่งในงานได้มีการเสวนาเวทีวิชาการ โดยการเสวนาวิชาการหัวข้อที่ 1 “ที่มาของแผนงาน” มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษาแผนงานฯ, นายศิวกร บัวป้อง – รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, รศ.ดร.สมพร จันทระ – ผู้อำนวยการแผนงานฯ, รศ.ดร.รัฐสิทธิ์ สุขะหุต – หัวหน้าแผนงานการพัฒนาระบบข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจ PM 2.5, อ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล – หัวหน้าแผนงานการบริหารจัดการไฟป่าอย่างมีประสิทธิภาพฯ 👏👏 ซึ่งเสียงสะท้อนจากเวทีนี้ชี้ให้เห็นว่า การแก้ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ต้องอาศัย การบูรณาการข้อมูล วิชาการ และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน 🌿🌿 #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirข่าว #AcAirข่าว2568
🌱🌱Highlight โครงการ“ต้นกล้าท้าหมอกควัน : สื่อสาร สู้ฝุ่น” มช. นำพลังเยาวชนสร้างสรรค์คลิปสั้น เสนอแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 💨 เมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา . ศูนย์วิชาการสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมโครงการ“ต้นกล้าท้าหมอกควัน : สื่อสาร สู้ฝุ่น” ประจำปี 2568 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.วินิตา บุณโยดม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิด รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะพงศ์ เนียมทรัพย์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ กล่าวต้อนรับและผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา หัวหน้าโครงการฯ กล่าวรายงาน ณ ห้อง Auditorium ชั้น 3 อาคารศูนย์นวัตกรรมการสื่อสาร (CIC) คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 . โครงการ“ต้นกล้าท้าหมอกควัน : สื่อสาร สู้ฝุ่น” จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนที่เป็นนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในพื้นที่ภาคเหนือ สามารถสร้างสื่อวีดีทัศน์ด้วยตนเอง โดยใช้คลิปวิดีโอสั้น 1 นาที นำเสนอแนวทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในแบบที่เข้าใจง่ายและสร้างแรงบันดาลใจในการปลูกจิตสำนึกให้เข้าใจถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากปัญหาหมอกควัน รวมถึงการสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบมลพิษที่เกิดจากปัญหาหมอกควัน และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหมอกควัน PM2.5 สนับสนุนโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม #cmu #ACAirCMU #ican #วช #หมอกควัน #ฝุ่นควัน #ScienceCMU #EnvironmentalScienceResearchCenter
📢ประกาศโรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรม “Young Citizen Science- NanoTracer”✨ ขอขอบคุณทุกโรงเรียนที่สนใจการเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้และ🎉ขอแสดงความยินดีกับ14ทีม จาก 14 โรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก 👉🏻ขอให้ผู้ผ่านการคัดเลือกทุกท่านสแกนQR เพื่อเข้าร่วมกรุ๊ปไลน์เพื่อติดตามข่าวสารของกิจกรรม👈🏻 โครงการ Workshop: Young Citizen Science - NanoTracer 📅 วันที่: 2-3 พฤษภาคม 2568 📍 สถานที่: คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 🎯 14 โรงเรียนรายงานตัวในไลน์กรุ๊ปด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
🔥 พบจุดความร้อน 1,088 จุดในไทย จากข้อมูลดาวเทียม! 🔥 GISTDA รายงานข้อมูลจากดาวเทียมพบว่าเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ประเทศไทยมี จุดความร้อนรวม 1,088 จุด โดยพบมากในพื้นที่: 🌳 ป่าอนุรักษ์ 432 จุด 🌲 ป่าสงวนแห่งชาติ 305 จุด 🌾 พื้นที่เกษตร 189 จุด 🏡 เขต ส.ป.ก. 91 จุด 🏙 พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 62 จุด 🛣 ริมทางหลวง 9 จุด 📌 ประเทศเพื่อนบ้านก็เจอจุดความร้อนจำนวนมาก! 🇲🇲 พม่า 7,737 จุด 🇱🇦 ลาว 1,165 จุด 🇰🇭 กัมพูชา 308 จุด 🇻🇳 เวียดนาม 135 จุด 🇲🇾 มาเลเซีย 7 จุด
....ปิดรับสมัครแล้วนะครับ ขอขอบพระคุณทุกโรงเรียนที่ให้ความสนใจนะครับ ประกาศรายชื่อโรงเรียนพรุ่งนี้...... Workshop: Young Citizen Science – NanoTracer วันที่ 2-3 พ.ค. 2568 โครงการ NanoTracer: การพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ภาคพลเมืองในการใช้จุลทรรศน์อิเล็กตรอนเพื่อการตรวจวิเคราะห์ฝุ่น PM2.5 และการสร้างนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้โครงการ “CMU สู้ฝุ่นภาคเหนือ” หลักสูตรท้องถิ่นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและสื่อสาธารณะ กิจกรรมเวิร์กช็อปสำหรับครูและนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากภาคเหนือ เพื่อเรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริงเกี่ยวกับ มลพิษทางอากาศ ผ่านแนวคิด วิทยาศาสตร์พลเมือง (Citizen Science) 1ทีม ประกอบด้วยนักเรียน 2 คน และคุณครูที่ปรึกษา 1 คน **ไม่รับผิดชอบค่าเดินทางและค่าที่พัก** **** สถานที่และตารางกำหนดการอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามความสะดวกของวิทยากร **** โดยทีมวิชาการจาก AcAir CMU และ ศูนย์เครื่องมือกลาง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งานบริหารงานวิจัย บริการวิชาการ และวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ผ่านการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ขั้นสูง และส่งเสริมการพัฒนาโครงงานวิทยาศาสตร์ในสถานศึกษา --- กิจกรรมไฮไลต์ ✅ Zoom into Dust – ตรวจวัดขนาดและแหล่งกำเนิดของฝุ่นละอองด้วยเครื่อง SEM Scanning electron microscope (สามารถนำตัวอย่างของท่านมารันในกิจกรรมได้ฟรี) ✅ ปฏิบัติการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์จริง และการทดสอบตัวอย่างจริง ✅ เวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อต่อยอดสู่ นวัตกรรม และ โครงงานวิทยาศาสตร์ --- สมัครได้ที่ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScTCvAFRAzZel02M3gKFA-uMKdmvL_gHqdk3v0JYs_2lhGbMw/viewform?usp=header มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง จาก “ผู้เรียน” สู่ “ผู้นำ” ด้านสิ่งแวดล้อม เพื่ออนาคตที่อากาศ สะอาด ยั่งยืน และน่าอยู่
📢📢ได้เวลาแล้ว!!! ในช่วงสถานการณ์หมอกควัน ถึงเวลา สวมใส่หน้ากาก 😷ที่ถูกต้อง ป้องกันฝุ่น PM2.5 🔹หน้ากาก N95 : สามารถป้องกันได้ทั้งเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ สารคัดหลั่ง กรองกลิ่น ที่สำคัญยัง #ป้องกันฝุ่นPM2.5 ได้ 95 % ในขณะที่หน้ากากอนามัยทางการแพทย์หรือหน้ากากอนามัยทั่วไป ไม่สามารถป้องกัน PM2.5 ได้ 🔹หน้ากาก KF94 และ KF80 : หน้ากากอนามัยสัญชาติเกาหลี โดย KF ย่อมาจาก Korea Filter มีอยู่ 2 แบบคือ KF94 และ KF80 ในรุ่น KF94 #ป้องกันฝุ่นPM2.5ได้ 94% และ KF80 สามารถกันได้ 80% และป้องกันโควิด-19 หรือเชื้อโรคติดต่ออื่นๆ สามารถป้องกันได้ 100% เนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอน หากอยู่ในห้องที่แออัดที่อากาศไม่ถ่ายเทดีพอ อาจมีเชื้อโรคอยู่มาก เปอร์เซ็นต์การป้องกันอาจลดลงที่ 94% โดยต้องใส่ให้มิดชิด ไม่มีรูรั่วที่หน้ากาก 🔹หน้ากาก Super 3D : ป้องกันได้ทั้งฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี มีรูปทรงกระชับ แนบสนิทกับใบหน้าของผู้สวมใส่ ✔️รู้แบบนี้แล้วเปลี่ยนโลดดด #เดี่ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง เพื่อสุขภาพและการป้องกันฝุ่นที่ดีกว่า จริงๆนะ 😄😷ด้วยความปราถนาดีจาก ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มช ขอขอบคุณข้อมูล จาก https://www.thairath.co.th/futureperfect/articles/2747341 และ https://www.exta.co.th/face-mask/ ➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Chiang Mai University
🌱🌱“ต้นกล้าท้าหมอกควัน : สื่อสาร สู้ฝุ่น” มช. นำพลังเยาวชนสร้างสรรค์คลิปสั้น เสนอแนวทางป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 💨 . ศูนย์วิชาการสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดกิจกรรมโครงการ“ต้นกล้าท้าหมอกควัน : สื่อสาร สู้ฝุ่น” ประจำปี 2568 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.วินิตา บุณโยดม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิด รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะพงศ์ เนียมทรัพย์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ กล่าวต้อนรับและผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ว่าน วิริยา หัวหน้าโครงการฯ กล่าวรายงาน ณ ห้อง Auditorium ชั้น 3 อาคารศูนย์นวัตกรรมการสื่อสาร (CIC) คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 . โครงการ“ต้นกล้าท้าหมอกควัน : สื่อสาร สู้ฝุ่น” จัดขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนที่เป็นนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในพื้นที่ภาคเหนือ สามารถสร้างสื่อวีดีทัศน์ด้วยตนเอง โดยใช้คลิปวิดีโอสั้น 1 นาที นำเสนอแนวทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในแบบที่เข้าใจง่ายและสร้างแรงบันดาลใจในการปลูกจิตสำนึกให้เข้าใจถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากปัญหาหมอกควัน รวมถึงการสร้างเครือข่ายการติดตามตรวจสอบมลพิษที่เกิดจากปัญหาหมอกควัน และการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหมอกควัน PM2.5 สนับสนุนโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
🔥 ไฟป่ากำลังลุกไหม้อย่างหนักหน่วง ส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และอาสาดับไฟป่าทุกท่านที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ⚠️ เตือนประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือให้เฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 พรุ่งนี้ก่อนออกจากบ้าน อย่าลืมตรวจเช็กค่าฝุ่น PM2.5 เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัวนะคะ สถานการณ์ไฟป่าทำให้ค่าฝุ่น PM2.5 สูงขึ้นจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น 🔹 เด็กเล็ก 🔹 ผู้สูงอายุ 🔹 ผู้มีโรคประจำตัว (โรคทางเดินหายใจ/โรคหัวใจ) 📌 วิธีป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 😷 ✅ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง ✅ ใส่หน้ากาก N95 เมื่อต้องออกจากบ้าน ✅ ปิดบ้านให้มิดชิด ลดฝุ่นจากภายนอก ✅ ใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ 🔎 เช็กค่าฝุ่นแบบเรียลไทม์ได้ที่ Line น้องฟ้าใส 🐘 📌 เพิ่มเพื่อนที่ @aircmu หรือคลิก >> https://lin.ee/EpQGYcw
เชียงใหม่เฝ้าระวังสูงสุด คาดไฟป่า-ฝุ่นควันพีคช่วงปลายมีนาคม เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 มีการประชุมของคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเมษายนเป็นช่วงที่สถานการณ์รุนแรงที่สุดของปี โดยปีนี้มีทั้งปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อสถานการณ์ 📌 ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในแต่ละปี ปี 2566 สูงสุดที่ 365 มคก./ลบ.ม. (ปลายมี.ค.) ปี 2567 สูงสุดที่ 224.3 มคก./ลบ.ม. (ต้นเม.ย.) ปี 2568 (ล่าสุด) สูงสุดที่ 126 มคก./ลบ.ม. (18 มี.ค.) ปัจจัยบวก(ความโชคดี)คือเรื่องการระบายตัวของอากาศที่มีลักษณะสะวิงคือมีวันที่ไม่ดีและมีวันที่ดี รวมทั้งลมแปรปรวนมีทั้งตีเข้าและตีออกนอกประเทศ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เพจ สภาลมหายใจเชียงใหม่
คณะทำงานวิชาการเพื่อสนับสนุนกาแก่ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มช นำโดย รศ.ดร.สมพร จันทระ เป็นตัวแทนนำเสนอการทำงานด้านมลพิษทางอากาศ 🤝🤝มช. จับมือ Massachusetts Institute of Technology สร้างความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม น้ำท่วม และหมอกควัน ด้วยเทคโนโลยี . ศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ Prof. Retsef Levi, J.Spencer Standish (1945) Professor of Management Massachusetts Institute of Technology (MIT) ในการประชุมระหว่าง Massachusetts Institute of Technology และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ตลอดจนการสร้างความร่วมมือเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยและการบริหารจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม น้ำท่วม หมอกควัน และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในการแก้ไขปัญหา ณ ห้อง D 206 อาคารอํานวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่) ในวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม 2568
วช. หนุน มช. เปิดตัวโครงการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 วันที่ 21 มีนาคม 2568 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยการสนับสนุนของ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดพิธีเปิดตัวโครงการ “AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด” โดยเป็นแผนงาน “การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแก้ปัญหา นโยบายและการสื่อสารเชิงรุก” ในโอกาสดังกล่าว ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี พร้อมนี้ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, รศ.ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกล่าวต้อนรับ และ รศ.ดร.สมพร จันทระ หัวหน้าแผนงานฯ กล่าวรายงาน ณ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า งานเปิดตัวโครงการและเสวนาวิชาการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง วช. และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 วช. สนับสนุนแผนงาน “การลดไฟป่า กรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย” โดยใช้ Big Data เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายและการสื่อสารเชิงรุก สร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบแผนงานนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และสามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นทั่วประเทศ เพื่อสร้างแนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในนามของฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำและยั่งยืน พร้อมขอบคุณสำนักงานการวิจัยแห่งชาติที่ได้สนับสนุนทุนวิจัยและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ร่วมมือในโครงการนี้ รศ.ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการดำเนินโครงการวิจัยนี้ และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยเน้นย้ำถึงการใช้แนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน รศ.ดร.สมพร จันทระ หัวหน้าแผนงานฯ ได้กล่าวรายงานถึงการดำเนินโครงการที่มุ่งเน้นการบูรณาการงานในหลายมิติ โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ในการสนับสนุนการตัดสินใจ และการสื่อสารเชิงรุก เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยเน้นที่การลดไฟในภาคป่าไม้และการปรับปรุงนโยบายเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในระยะยาว โครงการนี้ประกอบไปด้วย 7 โครงการย่อยใน 3 มิติหลัก ได้แก่ มิติการลดไฟในภาคป่าไม้ มิติการเชื่อมโยงระบบข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ และมิตินโยบายและการสื่อสารเชิงรุก โดยโครงการนี้จะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยและจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงการทำงานจากหลายภาคส่วนในพื้นที่เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ภายในงานประกอบด้วยการเสวนาเวทีวิชาการ 3 หัวข้อ ประกอบด้วย การเสวนาวิชาการหัวข้อที่ 1 “ที่มาของแผนงาน” โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ รศ.ดร.สมพร จันทระผู้อำนวยการแผนงานฯ, นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย, นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, รศ.ดร.รัฐสิทธิ์ สุขะหุต หัวหน้าแผนงานฯ ระยะที่ 1 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอ.ไพสิฐ พาณิชย์กุล หัวหน้าแผนงานฯ ระยะที่ 1 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การเสวนาวิชาการหัวข้อที่ 2 “มิติป่าไม้” มีผู้ร่วมเสวนา คือ ผศ.ดร.ภูดินันท์ สิงห์คำฟู หัวหน้าโครงการฯ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ.ดร.จิรวรรณ กิจชัยเจริญ หัวหน้าโครงการฯ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อาจารย์ ดร.เชิญพร เรืองสวัสดิ์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายธงชัย นาราษฎร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หรือผู้แทน การเสวนาวิชาการหัวข้อที่ 3 “มิติ Big Data และ นโยบายและการสื่อสาร” โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ ผศ.ดร.ชาคริต โชติอมรศักดิ์ หัวหน้าโครงการฯ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, รศ.ดร.ธงชัย ขนาบแก้ว จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต, ผศ.ดร.อรอร ภู่เจริญ หัวหน้าโครงการฯ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ.ดร.ว่าน วิริยา หัวหน้าโครงการฯ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และดร.ทิพวรรณ ประภามณฑล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โครงการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และมลพิษทางอากาศ โดยใช้เทคโนโลยีและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เพื่อสร้างแนวทางแก้ไขที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนสำหรับประเทศไทย
https://www.cmu.ac.th/th/article/adace005-4426-48b9-aac4-4d160b9ff7e6
📢น้องฟ้าใส🐘☁️ ประชาสัมพันธ์ ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการและเสวนาวิชาการ “Air For All – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด” มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Chiang Mai University ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ภายใต้แผนงาน "การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ นโยบาย และการสื่อสารเชิงรุก" นำโดย 👤รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร จันทระ ประธานคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (AcAir CMU) และหัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Environmental Science Research Center #ESRC ผู้อำนวยการแผนงานดังกล่าว โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนา นวัตกรรมและแนวทางแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แบบบูรณาการ เพื่อรองรับภาวะวิกฤติด้านมลพิษทางอากาศของประเทศ จัดงานเปิดตัวโครงการและเสวนาวิชาการ "AirForAll – ลดการเผา เพื่ออากาศสะอาด" 📅 ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 ⏰ เวลา 08.30 – 13.00 น. 📍 ณ ห้องนันทา 1 โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ เชียงใหม่ ซึ่งแผนงานวิจัย“การลดไฟในป่ากรณีศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ นโยบาย และการสื่อสารเชิงรุก” มีโครงการย่อยที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ -💐ผศ.ดร.ภูดินันท์ สิงห์คำพู วิทยาลัยสื่อ ศิลปะ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ CAMT College of Arts, Media and Technology วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 1 "การศึกษาพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ (UAV) และระบบลาดตระเวนชี้เป้าด้วยปัญญาประดิษฐ์เพื่อการตรวจจับไฟป่าด้วยข้อมูลภาพจากระบบอากาศยานไร้คนขับ พื้นที่ศึกษาอุทยานแห่งชาติสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่" -💐รศ.ดร.อรัญญา ศิริผล คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสังคมศาสตร์ มช. ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 2 "การศึกษาสาเหตุต้นตอปัญหาหมอกควันไฟป่าแบบมีส่วนร่วมผู้มีส่วนได้เสีย และกระบวนการจัดการความขัดแย้งด้วยพหุศาสตร์วิชาการและยุติธรรมชุมชน" -💐ผศ.ดร.จิรวรรณ กิจชัยเจริญ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาชัยเชียงใหม่ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 3 "การประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์เพื่อพัฒนารูปแบบและเกณฑ์การจ่ายตอบแทน คุณระบบนิเวศป่าไม้เพื่อป้องกันและลดไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย" -💐ผศ.ดร.ชาคริต โซติอมรศักดิ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะสังคมศาสตร์ มช. ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 4"การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล: ยกระดับทักษะผู้ใช้และเสริมศักยภาพของระบบ FireD" -💐รศ.ดร.เอกบดินทร์ วินิจกุล สถาบันเทคโนไลดีแห่งเอเชีย(Asian Institute of Technology) Asian Institute of Technology ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 5 "การพัฒนาฐานข้อมูลบัญชีการระบายมลพิษทางอากาศของประเทศไทย" -💐ผศ.ดร.อรอร ภู่เจริญ สถาบันนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 6 "การวิจัยเพื่อพัฒนาแผนแก้ไขและรับมือปัญหา PM2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่" -💐ผศ.ดร.ว่าน วิริยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ Faculty of Science, Chiang Mai University และ💐ดร.ทิพวรรณ ประภามณฑล สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ,RIHES CMU ผู้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 7 "การบูรณาการสื่อสารเชิงรุกและสร้างเครือข่าย Active Citizen " โดยใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพในระดับพื้นที่ 🔍 ไฮไลต์สำคัญ ✅ แผนงานการลดไฟป่า – กรณีศึกษาอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ✅ การเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อการบริหารจัดการไฟป่า ✅ แนวนโยบายและการสื่อสารเชิงรุกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ✅ โครงการย่อย "ไม่มีการลดไฟโดยไม่ปลูกไม้" 🌱 ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นของพวกเราทุกคน 🌏 📌 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่: 🔗 https://cmu.to/airforallparticipants RCCES CMUEnvironmental Science Research Center #ESRCCCDC: Climate Change Data Centerสภาลมหายใจเชียงใหม่สภาลมหายใจเชียงรายธนาคารแห่งประเทศไทย - Bank of Thailandสถานีฝุ่นUniserv CMUThe North องศาเหนือSpringNewsสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่Thailand Can เครือข่ายอากาศสะอาดThairath - ไทยรัฐออนไลน์เชียงใหม่ CM108 ข่าวเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่สำนักข่าวนอร์ทพับลิคนิวส์ : NorthpublicnewsGISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)ฝ่าฝุ่นWEVO สื่ออาสาสำนักงานบริหารงานวิจัย ม.เชียงใหม่Thai PBSCh7HDThe Active@สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย - TEI #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #AcAirCMU #คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #ศูนย์วิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ #มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #AcAirข่าว #AcAirข่าว2568


รายงานการดำเนินงาน
คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปี 2567

รายงานการดำเนินงาน
คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปี 2566
รายงานการดำเนินงาน
คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปี 2565

กิจกรรมเด่นและรายงานการดำเนินงาน
คณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปี 2563








